ปี1912—ปี1949
จากการได้รับอิทธิพลด้านการปกครอง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมแบบตะวันตกอย่างไม่ขาดสาย เครื่องแต่งกายตามประเพณีของชาวจีนก็ได้รับผลกระทบอย่างมากเช่นกัน ปี ๑๙๑๑ เกิดการปฏิวัติล้มล้างสถาบันกษัตริย์ แล้วสถาปนาการปกครองแบบสาธารณรัฐ หลังจากการเกิดสาธารณรัฐจีน เครื่องแต่งกายของราชสำนักชิงถูกกำจัดไปเป็นจำนวนมาก ณ จุดนี้ เครื่องแต่งกายตามประเพณีจึงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างยกเครื่องใหม่ เสื้อผ้าสไตล์จีนประยุกต์และเสื้อผ้าสไตล์ตะวันตกจึงค่อยๆหลั่งไหลเข้ามาสู่วิถีชีวิตของชาวจีน สูทซุนยัตเซน และ กี่เพ้า จึงกลายเป็นเสื้อผ้าที่สวมใส่กันในยุคนี้
20世纪20年代梳妆女子 |
短袄、套裙穿戴组合例 (传世实物) |
เสื้อผ้าสตรีช่วงทศวรรษที่ ๑๙๒๐
เสื้อผ้าที่สาวๆในช่วงทศวรรษที่ ๑๙๒๐ นิยมสวมใส่ก็คือ เสื้อและกระโปรง เสื้อที่นิยมใส่คือ เสื้อเชิ้ต เสื้อแบบแมนจู เสื้อแจ็กเก็ต รูปแบบที่นิยมคือ สาบตรง สาบรูปผีผา สาบแนวขวาง สาบใหญ่ สาบสลับข้าง บริเวณคอเสื้อ แขนเสื้อ ปกเสื้อ ชายเสื้อล้วนมีการกุ๊นขลิปขอบ เพิ่มลายปักเข้าไป ส่วนชายเสื้อก็มีทั้งแบบเรียบและแบบโค้ง ซึ่งขนาดของเสื้อผ้าในช่วงนี้ก็เปลี่ยนไปค่อนข้างมากเช่นกัน เสื้อและกระโปรงนั้นได้รับความนิยมมาตลอด แต่ทว่ากระโปรงมีการการลดความซับซ้อนอยู่เรื่อยมา
红地绣银花高领长袄 (传世实物) |
穿短袄套裙的妇女 (传世图照) |
20世纪 30年代上海时装
|
เครื่องแต่งกายที่บุรุษในยุค ๑๙๒๐
เครื่องแต่งกายที่บุรุษในยุค ๑๙๒๐ นิยมสวมก็คือ เสื้อหม่ากว่ายาว สูท และสูทซุนยัดเซ็น ในระยะแรกการสวมเสื้อแบบดั้งเดิมยังมีอยู่ให้เห็นมาก ภายหลังได้รับอิทธิพลการแต่งกายตามแบบตะวันตก แต่ก็มิได้ทิ้งเสื้อผ้าแบบดั้งเดิมไปเลยเสียทีเดียว ยังสวมเสื้อคลุมยาว เสื้อหม่ากว้า และสูทมาตรฐานควบคู่กันไป
漳绒松鹤纹长衫(传世实物) |
对襟、窄袖、团花马褂(传世实物) |
หมวกสุภาพ
หมวกสุภาพแบ่งเป็น หมวกสำหรับหน้าร้อนและหน้าหนาว หมวกหน้าหนาวใช้ขนสีดำ หน้าร้อนใช้ผ้าซือเก๋อสีขาว รูปร่างส่วนบนมักเป็นทรงกลม สวนล่างมีปีกกว้าง ไม่ว่าจะแต่งกายสไตล์จีนหรือสไตล์ตะวันตกต่างก็สวมหมวกสุภาพนี้ได้ ซึ่งถือว่าเป็นการแต่งกายที่สุภาพ สำหรับหมวกรูปแบบอื่นๆก็มีให้เห็นหลากหลาย ส่วนมากขึ้นอยู่กับตำแหน่งและหน้าที่ของผู้สวมใส่ มิได้มีการรวมเป็นแบบเดียวกันเสียทีเดียว
呢礼帽(传世实物) |
20世纪20年代中式婚礼服 |
กางเกง
กางเกงในตอนต้นของยุคสาธารณรัฐส่วนใหญ่มีขนาดกว้าง ชายขากางเกงใช้สายผ้ามัดไว้ (เป็นขาจ้ำ)
ช่วงกลางปีที่ ๒๐ ของศตวรรษที่ ๒๐ ก็ได้เอาเชือกรัดพวกนี้ออกไป ขากางเกงก็ยิ่งบานออก จนกระทั่งหลังจากช่วงปีที่ ๒๐ ขากางเกงจึงค่อยๆมีขนาดเล็กลง และฟื้นฟูการมัดขาขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งอาจเย็บสายรัดพวกนี้ติดไว้ที่ปลายขากางเกงเลย
民国初期的中式裤子
ทรงผม
ทรงผมของผู้หญิงนั้นเปลี่ยนแปลงไปมิได้หยุดหย่อน ตั้งแต่การมวยผมตั้งยอด ทรงรุ่งอรุณ ทรงกลางใจ ทรงถักเปีย ทรงหล่นหลังม้า ทรงหงส์ร่อน ทรงผีเสื้อเป็นต้น นอกจากที่ผู้หญิงจะจัดแต่งทรงผมแล้วนั้น ยังมีการเลี้ยงปอยผมที่หน้าผากซึ่งเรียกว่า “ปอยผมหน้าม้าเด็ก” ลักษณะของปอยผมหน้าม้าเด็กคือปล่อยให้ปิดช่วงหว่างคิ้วไว้ บ้างก็ลงไปถึงดวงตาทั้งสองข้าง บ้างก็ตัดให้เป็นทรงกลมแหลม แล้วหวีปัดผมไปห้อยไว้ด้านหลัง หรือจะเป็นแบบที่หวีแสกผมตรงหน้าผากออกเป็นสองฝั่ง แล้วตัดให้ปลายแหลมคล้ายกับหางนกนางแอ่น ซึ่งเรียกว่า ทรงหางนกนางแอ่น
จนกระทั้งปีแรกของการก่อตั้งสาธารณรัฐ ก็ได้มีแฟชั่น “ปอยผมหน้าม้าเด็ก” อีกรูปแบบหนึ่งขึ้น มองไกลๆก็อาจสับสนว่าตรงนั้นตกลงมีผมหรือไม่มีกันแน่ เรียกว่า “ดาวเต็มฟ้า” หลังจากที่ผู้หญิงได้ตัดผมแล้วปกติใช้แถบผ้าไหมมัดผม แต่ก็มีที่ใช้ลูกปัดร้อยเชือกเป็นเชือกมัดผมหลากหลายรูปแบบ ประมาณปี ๑๙๒๐ การดัดผมก็แพร่หลายมาถึงประเทศจีน อุปกรณ์แต่งผมของผู้หญิงในเมืองใหญ่สมัยนั้นส่วนใหญ่เป็นแบบตะวันตก และยังมีการย้อมผมเป็นสีต่างๆที่หลากหลายเช่น แดง เหลือง น้ำตาล และน้ำตาลเข้ม ต่างเป็นแฟชั่นในช่วงเลานี้
垂丝式(传世图照) |
20世纪30年代的发饰 |
烫发妇女(传世图照) |
สูทจงซาน(ซุนยัดเซน)
สูทจงซานคือเสื้อที่ ดร.ซุนยัดเซน สวมใส่เป็นครั้งแรกก่อนใครๆ จึงได้ชื่อว่า สูทจงซาน เสื้อชนิดนี้รวมจุดเด่นของเสื้อแบบตะวันตกและแบบจีนเข้าไว้ด้วยกัน แฝงความหมายของการปฏิวัติและการจัดตั้งประเทศไว้ด้วย ส่วนประกอบของที่แฝงความหมาย “เหมาะสม , เที่ยงตรง, ซื่อสัตย์ และ ละอาย” “สร้างชาติด้วยอารยะ” “ห้านโยบายสร้างชาติ” และ “หลัก 3 ประการแห่งประชาชน หรือ ลัทธิไตรราษฎร์ ” (คือ ประชาชาติ ประชาสิทธิ และประชาชีพ) เป็นต้น ปกคอที่ปิดคอไว้ หมายถึง การพิจารณาตัวเองวันละ ๓ หน คือการกำกับและดูแลตัวเอง เวลาสวมเสื้อจงซานจะทำให้แลดูอกผายไหล่ผึ่ง และดูเป็นธรรมชาติ ในฤดูร้อนมักใส่สูทจงซานสีสว่าง ฤดูอื่นๆสวมสีดำ โดยมีสโลแกนที่ว่า “แลงามเหมาะสม, รูปร่างเด่นชัด, งามอย่างผ่าเผย”
穿学生装和中山装的男子(传世图照)
ชุดกระโปรง(เดรส)
นับตั้งแต่ปี ๑๙๒๐ เป็นต้นมา ได้มีนักศึกษาที่ไปศึกษายังต่างประเทศ นักศิลปะวรรณกรรม กลุ่มปัญญาชนต่างๆก็ได้เริ่มสวมชุดกระโปรงนี้แล้ว จนถึงปี ๓๐ จึงเริ่มมีจำนวนมากขึ้น จุดเด่นของชุดกระโปรงก็คือส่วนบนที่เป็นเสื้อและส่วนล่างที่เป็นกระโปรงต่อกันเป็นชุดเดียว รัดรูปหรือมีการใช้เข็มขัดที่อวดเอวที่เรียวโค้งเว้า ชุดกระโปรงมักมีปกคอตรง แขนก็มีทั้งแบบยาว แบบสั้น และแบบแขนจ๊ำพองๆ และแขนบาน ส่วนคอก็มีคอเหลี่ยม คอกลม คอซอง เป็นต้น ส่วนที่เป็นกระโปรงด้านล่างก็มีแบบเอียง แบบบาน แบบพรีทระบาย(กระโปรงปาล์มมี่) และรูปแบบต่างๆอีกหลากหลายมากมาก
穿短袖连衣裙的妇女(传世图照) |
20世纪30年代上海时装 |
กี่เพ้า
แต่เดิมกี่เพ้านั้นเป็นที่ชื่นชอบในหมู่สาวๆชาวแมนจู แต่หลังจากปี ๑๙๒๐ ผู้หญิงชาวฮั่นก็เริ่มนิยมสวมใส่กี่เพ้ากันบ้างแล้ว กี่เพ้า ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอย่างนับครั้งไม่ถ้วน แต่สุดท้ายก็ได้กลายมาเป็นเครื่องแต่งกายที่สำคัญในการสะท้อนกลิ่นอายและวัฒนธรรมอันมีเอกลักษณ์ของสาวชาวจีน การนิยมสวมกี่เพ้ามีเหตุผลอยู่ ๒ ประการด้วยกัน ข้อแรกคือ สวมใส่ง่าย กระชับ ข้อสองคือมีกลิ่นอายและชีวิตชีวาของความเป็นตะวันออก การสวมกี่เพ้ากับรองเท้าหนังส้นสูง เป็นการแสดงให้เห็นถึงความหรูหราและมีรสนิยมของสาวชาวตะวันออกได้เป็นอย่างดี
烫发、穿短袖旗袍及高跟皮鞋的妇女 |
![]() |
กี่เพ้าแมนจู
ชุดกี่เพ้าที่สวมโดยสาวๆชาวแมนจูช่วงปลายสมัยชิงนั้น ลักษณะเด่นคือตัวใหญ่ ยาวถึงเท้า และใช้วัสดุตัดเย็บมาก ด้านบนปักเป็นลายดอกไม้ คอเสื้อ แขนเสื้อ และสาบเสื้อ ล้วนมีการขลิบลายดอกไม้ที่มีขนาดใหญ่
清初彩绣旗袍(内蒙古白音尔灯清荣宪公主墓出土) |
彩绣阔镶边旗袍——清末满族妇女服装样式 |
ชุดกี่เพ้ายุคต้น ช่วงปี ๑๙๒๐ แขนเสื้อก็ได้ค่อยๆมีขนาดเล็กลง การขลิบขอบก็ไม่ได้กว้างเหมือนแต่ก่อนแล้ว ปลายปีที่ ๒๐ เนื่องจากการรับอิทธิพลการแต่งกายแบบอเมริกาและยุโรป รูปแบบของกี่เพ้าก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้อย่างชัดเจน เช่น ความยาวสั้นลงและนิยมแบบรัดรูป เป็นต้น
彩袖曲襟低领长袖旗袍——20世纪20年代末期的样式 (传世实物) |
![]()
绣银云龙纹高领中袖旗袍——20世纪20年代中期的样式 (传世实物) |
จนกระทั่งปี ๑๙๓๐ การเปลี่ยนแปลงของกี่เพ้าส่วนมากเป็นการเปลี่ยนแปลงที่คอเสื้อ แขนเสื้อ และความยาว และในตอนต้นที่นิยมคอเสื้อสูง ภายหลังก็ได้เปลี่ยนมานิยมคอเสื้อสั้นๆ รวมไปถึงกี่เพ้าที่ไม่มีคออีกด้วย การเปลี่ยนแปลงของแขนเสื้อก็คือจากอดีตที่เคยนิยมแบบยาวเลยมือก็เปลี่ยนเป็นสั้นถึงศอกหรือก็ไม่มีแขนไปเลย และส่วนความยาวของกี่เพ้าก็ยิ่งมีการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างมาก หลังจากที่ช่วงระยะเวลาหนึ่งนิยมแบบยาวลากพื้น เวลาเดินก็ไม่สะดวก ก็ได้เปลี่ยนมานิยมแบบสั้น ที่สั้นจนถึงหัวเข่า
20世纪30年代上海时装 |
银绣云龙纹高领中袖旗袍 (传世实物) |
20世纪30年代彩绣大襟短袖旗袍(传世品) |
เนื่องจากผลกระทบจากสงคราม รูปแบบของชุดกี่เพ้าในปี ๑๙๔๐ จึงเริ่มไม่มีแขนเสื้อ ลดความยาวของลำตัวและปกคอลง และลดการประดับประดาที่เทอะทะออกไป ทำให้เบาขึ้น และเหมาะที่จะสวมใส่มากขึ้น
织锦缎无袖双襟旗袍 ——20世纪40年代初期的样式(传世实物) |
![]() |
กี่เพ้าแฟชั่น