戴梁冠、穿衫子的文吏(顾恺之《洛神赋图》局部)
๔๐๐ ปีหลังจากสถาปนาราชวงศ์ฮั่น พระราชวงศ์ก็เริ่มเสื่อมโทรมและแตกออกเป็น ๓ แคว้น (สามก๊ก) ซึ่งแคว้นวุ่ย (เว่ย) เป็นแคว้นที่มีอำนาจที่สุดจากสามแคว้นที่คานอำนาจกันอยู่เหมือนหม้อติ่งสามขา แต่ผู้ที่มีอำนาจภายหลังกลับเป็นแคว้นจิ้น ต่อมาชนเผ่าเร่ร่อนรอบๆจึงฉวยโอกาสบุกเข้าไปในพื้นที่ที่ยังไม่มีการป้องกันและมีการตั้งแคว้นเล็กๆต่างๆนับสิบแคว้นในพื้นที่จงง้วน (ที่ราบภาคกลางลุ่มแม่น้ำฮวงโห) ซึ่งทำให้จีนในศตวรรษที่ ๓ ถึง ๖ แตกเป็น แคว้น วุ่ย จิ้น และราชวงศ์เหนือใต้ที่สับสนวุ่นวายเป็นอย่างยิ่ง การสู้รบระหว่างชาติพันธุ์ทำให้วัฒนธรรมในแต่ละพื้นที่ได้ผสมสานรวมกัน และแลกเปลี่ยนกัน ลักษณะการใช้ของเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายต่างๆก็ได้พัฒนาให้ดีขึ้นในสมัยนี้ ในทางสุนทรียศาสตร์มันก็คือการค้นหา “ความงามซึ่งเป็นอมตะ” อันหรูหราและละเมียดละไม
穿杂裾垂髾服的妇女(传顾恺之《列女图》局部)
เกี้ยวผ้าตาข่าย
เกี้ยวผ้าตาข่ายเป็นหมวกกวานที่มีความเป็นเอกลักษณ์ในยุคราชวงศ์ เว่ย จิ้น และราชวงศ์เหนือใต้ ชายหญิงสมัยนั้น ต่างก็สวมเกี้ยวประเภทนี้ได้ เนื่องจากทำด้วยไหมพรมสีดำ จึงได้ชื่อว่าเกี้ยวผ้าตาข่าย ความโดดเด่นของหมวกกวานประเภทนี้คือ ส่วนบนจะเรียบแบน มีส่วนปิดใบหูทั้งสอง ด้านข้างล่างของส่วนที่ปิดใบหูนั้นจะมีเชือกผูกอยู่
女倭堕髻垂臂,右衽衫,长裙拂地,腰束细绅带。 |
漆纱笼冠图 (根据传世帛画、壁画及出土陶俑复原绘制) |
戴梁冠、穿衫子的文吏(顾恺之《洛神赋图》局部
เสื้อใหญ่แขนกว้าง
ผู้คนในยุคเว่ย จิ้น มีความเชื่อในลัทธิเต๋าและอภิปรัชญา(เล่าจื๊อ/จวงจื๊อ/โจวอี้)กันมาก เนื่องจากหวังว่าจะมีชีวิตเป็นอมตะ ดังนั้นความคิดเรื่องยาอมตะจึงแพร่หลายมากในยุคนั้น หลังจากกินยาอมตะเข้าไป มักทำให้ร่างกายเกิดความร้อนรุ่ม จึงไม่เหมาะกับการแต่งกายในชุดที่รัดแน่นเกินไป และการที่ผู้คนส่วนมากที่ต่างเสาะแสวงซึ่ง “ความอมตะแบบเซียน”ดังนั้นผู้คนจึงนิยมใส่เสื้อผ้าที่หลวมโพรกกัน ซึ่งเรียกว่า เสื้อใหญ่แขนกว้าง
穿大袖衫、间色条纹裙的贵妇及其侍从 |
穿大袖宽衫的贵族及侍从(顾恺之《洛神赋图》局部) |
ชุดเสื้อและกางเกงขาจีบ (ชุดคู่เจ่อ)
คือชุดที่เป็นเสื้อและกางเกง รูปแบบพื้นฐานของมันก็คือ ด้านบนสวมใส่เสื้อแขนกว้าง ส่วนด้านล่างสวมใส่กางเกงที่มีขากางเกงกว้าง ชุดคู่เจ่อมีที่มาจากเสื้อผ้าดั้งเดิมของชนเผ่าเร่ร่อนทางตอนเหนือ เมื่อถึงยุคราชวงศ์เหนือใต้ เสื้อผ้าชนิดนี้เริ่มเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในหมู่ชาวฮั่น ส่วนขาของกางเกงยิ่งนานไปยิ่งมีขนาดใหญ่ขึ้น และเพื่อความสะดวกในการเดิน จึงใช้ผ้าที่ยาวประมาณ ๑ เมตรผูกไว้ที่ขากางเกง เรียกว่า “ฟู่คู่” ภายหลังแขนเสื้อและขากางเกงได้มีขนาดใหญ่ขึ้นมาก จึงถูกเรียกว่า “เสื้อแขนกว้าง” และ “กางเกงขาบาน” ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นเครื่องแต่งกายที่นิยมกันมากในสมัยราชวงศ์เหนือใต้
加拿大多伦多皇家博物馆藏北魏彩绘陶文武士俑 |
(北朝陶俑,传世实物) |
ชุดแพรแถบไหมระย้า
ส่วนที่ห้อยลงมาจากชุดเซินอีของผู้หญิงในสมัยเว่ยจิ้นเป็นแถบผ้ารูปสามเหลี่ยมที่ซ้อนทับกันอยู่ นอกจากนั้นยังมีแบบที่ห้อยแถบผ้าผืนใหญ่ไว้ด้านหน้า ใต้แถบผ้านั้นก็มีแถบผ้าแพรอีกหลายชิ้นห้อยลอดออกมา และเนื่องจากการใช้ผ้าไหมผ้าแพรที่มีลักษณะอ่อนนุ่มเบาบาง ดังนั้นเวลาที่บรรดาหญิงสาวเหล่านี้กำลังย่างก้าว จึงทำให้แพรพรรณพวกนั้นโบกสะบัดตามแรงลม ดูเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่หยุดนิ่งเหมือนสายน้ำไหล ภายหลังได้มีการเพิ่มแถบผ้าประดับ ชุดทั้งสองรูปแบบจึงได้รวมอยู่ในชุดเดียวกัน ซึ่งก็คือชุดแพรแถบไหมระย้านี้เอง ซึ่งการแต่งกายลักษณะนี้ทำให้สาวสมัยเว่ยจิ้นดูเด่นเป็นสง่า เต็มไปด้วยความหรูหรา
穿杂裾垂髾服的妇女(顾恺之《洛神赋图》局部)
陕西西安草厂坡北魏墓出土梳十字大髻、穿窄袖衫裙的彩绘女俑
ชุดกระโปรงซานฉวิน
ชุดกระโปรงซานฉวินเป็นเครื่องแต่งกายที่ผู้หญิงในยุคเว่ยและจิ้นส่วมใส่อยู่เป็นประจำ ตัวเสื้อส่วนบนมีความพอดีกับร่างกาย (รัดรูป) แขนเสื้อกว้าง ส่วนล่างเป็นกระโปรงจีบ ชายกระโปรงยาวลากพื้น ซึ่งหลวม สวมใส่สบาย เป็นเสื้อผ้าที่ด้านบนเรียบง่ายแต่ด้านล่างหรูหรา และเมื่อประดับเครื่องประดับที่โอ่อ่าเข้าไป ก็ยิ่งเผยถึงความสวยสะโอดสะองในกายสาวชาวเว่ยและจิ้นออกมา ซึ่งก็คือสไตล์การแต่งกายดั่งเดิมของสาวจีนนั่นเอง
ทรงผมสตรีเว่ยจิ้น
ผู้หญิงชาวเว่ยและจิ้นนิยมใช้ผมปลอมสำหรับประดับทรงผม มีทรงที่หวีเป็นตัวอักษร 十 อยู่บนศีรษะ ส่วนผมที่เหลือก็ปล่อยให้ห้อยไว้ด้านหลัง เรียกทรงนี้ว่า “ทรงไม้กางเขน” บ้างก็นำผมขดเป็นมวยวนอยู่บนศีรษะ แล้วจัดเป็นทรง เรียกว่า “ทรงก้นหอย” บ้างก็ทำผมเป็นวงๆปล่อยให้ไหวไปมา เรียกว่า ทรงเหิรโพยม และยังใช้ผมปลอมสำหรับเพิ่มความสูงของผม พวกนางมักจะนำดอกไม้สดหรือกิ๊บประดับผมไว้ ซึ่งเพิ่มความเสน่ห์แบบผู้หญิงให้กับพวกนาง
戴小冠、穿襦裙的乐人 |
穿对襟衫子、长裙穿戴展示图 (根据出土陶俑复原绘制) |
เครื่องแต่งกายเหล่าบัณฑิต
ในยุคเว่ยจิ้น อภิปรัชญา ลัทธิเต๋า และพุทธศาสนา เป็นที่นิยมกันอย่างขว้างขวาง ทั้งยังส่งผลซึ่งกันและกัน อันเป็นกระอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งเหล่านักพรต บัณฑิตทั้งหลายต่างก็ตกอยู่ใต้แนวความคิดเช่นนี้ทั้งสิ้น คือ ปลีกวิเวก ไม่ใส่ใจกับกฎเกณฑ์ต่างๆ คือไม่สนอะไรเลยสักนิด มุ่งเพียงบำเพ็ญตบะเพื่อหาหนทางเป็นเซียน ทางด้านเครื่องแต่งกายก็ชอบสวมเสื้อผ้าที่หลวมเบาสบาย มักเปลือยหน้าอกรับหยาดน้ำค้าง ไม่สนใจอะไรอะไรทั้งหมดทั้งมวล
戴巾子、穿宽衫的士人 (孙位《高逸图》局部) |
梳丫髻或裹巾子、穿翻领袍服的士人(《北齐校书图》局部) |
เครื่องแต่งกายของสามัญชน
เครื่องแต่งกายของสามัญชนในยุคเว่ยจิ้นมีความหลากหลายเป็นอย่างมาก ซึ่งส่งผลมาจากกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่นมีภาพวาดลูกหม่อน ภาพวาดการสร้างบ้านเรือน ภาพวาดการล่าสัตว์ ภาพวาดการเลี้ยงสัตว์ ภาพวาดงานฉลองต่างๆ สิ่งต่างๆรอบกายเหล่านี้ส่งผลต่อการแต่งกายทั้งสิ้น ทั้งกระโปรงของสตรี ชุดคลุมของชาวนา หมวกผ้าของนายพราน กางเกงหุ้มขาของคนเลี้ยงแกะ เป็นต้น ล้วนมาจากกิจกรรมหรืออาชีพทั้งนั้น
戴巾帻、穿袍服的信使 (甘肃嘉峪关出土砖画)
穿袍服、围裳的采桑妇女 (甘肃嘉峪关出土砖画)
穿袍服的农民及农妇 (甘肃嘉峪关出土砖画)
戴毡帽、穿袍服的猎人 (甘肃嘉峪关出土砖画)
ชุดเกราะเหลี่ยงตาง
ชุดเกราะที่สำคัญในยุคราชวงศ์เหนือใต้คือชุดเกราะเหลี่ยงตาง วัสดุที่ใช้ทำชุดเกราะเหลี่ยงตางก็คือโลหะ หนังสัตว์ และกระดองสัตว์ เนื่องจากวัสดุเหล่านี้แข็งแรงทนทาน การประกอบลายแบ่งเป็นรูปแถบยาวๆและเป็นลายเกล็ดปลา บริเวณหน้าอกและหลังมักใช้แผ่นรูปปลาประกอบขึ้นเป็นเกราะ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงทนทานให้ชุดเกราะ เหล่านายพลมักสวมเสื้อหนาๆหนึ่งชั้นในชุดเกราะเพื่อป้องกันไม่ให้เสื้อเกราะสีกับผิวหนังเป็นแผล
戴兜鍪、穿裆铠甲的武士(甘肃敦煌莫高窟285窟壁画)
戴兜鍪、穿裆铠的武士 (北魏加彩陶俑,传世实物,原件现在日本京都博物馆) |
戴兜鍪、穿裆铠的武士 (北魏加彩陶俑,传世实物, 原件现在日本早稻田大学东洋美术陈列室) |
ลวดลาย
การประกอบลายที่มาจากต่างแดนได้เติมเต็มลวดลายในยุคสมัยเว่ยจิ้นและราชวงศ์เหนือใต้นี้ ซึ่งประกอบด้วย ลวดลาย “ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์” ที่เป็นลักษณะเด่นของการประกอบลายในกลุ่มชาวอาหรับ และลวดลาย “ธรรมจักร” แบบพุทธศาสนา ลวดลายกลมและจุดของชนกลุ่มน้อย นอกจากนั้นยังมีการประกอบลายโดยใช้รูปทรงทางเรขาคณิตที่ไม่ใหญ่มาก เช่นกลุ่มลาย เหริ่นตง จุดเด่นของลายทั้งหมดที่กล่าวมาก็คือ มักประกอบลายในแนวนอน ไม่วิวิดสมารา แต่ทว่าให้ความรู้สึกที่เป็นการตกแต่งอย่างชัดเจน
新疆吐鲁番出土北凉几何鸟兽纹锦, 新疆维吾尔自治区博物馆藏 |
方格兽纹绵(新疆吐鲁番阿斯塔那出土实物) |