秦汉的服饰
เครื่องแต่งกายในสมัยฉินและฮั่น
221 ปีก่อนคริสตศักราช – คริสต์ศักราช 220
221 ปีก่อนคริสตศักราชจักรพรรดิฉิน(จิ๋นซีฮ่องเต้) ได้รวมจีนเป็นปึกแผ่นและจัดตั้งจักรวรรดิจีนในระบบศักดินาซึ่งถือเป็นการก่อตั้งประเทศจีนขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ด้วยกำลังทางทหารของราชวงศ์ฉิน ทำให้กองทัพฉินเป็นกองทัพที่มีประสิทธิภาพมาก ซึ่งได้หลงเหลือให้เห็นในรูปแบบกองทหารสุสานฉินหรือ ปินหมาโหย่งอันเป็นหลักฐานที่สำคัญที่สุดที่แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมการแต่งกายในยุคราชวงศ์ฉินนี้ ต่อมาอีกไม่สิบปี คือช่วง 206 ปี ก่อนคริสตศักราช ราชวงศ์ฮั่นได้ก่อตั้งประเทศขึ้นอีกครั้ง หลังจากผ่านการพักฟื้นจากภาวะสงคราม วัฒนธรรมการแต่งกายก็ถูกพัฒนาให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นภายใต้คำขวัญที่ว่า “ยกเลิกร้อยสำนัก รับเพียงขงจื่อ” ราชวงศ์ฮั่นซึ่งได้ยึดหลักคำสอนของขงจื้อจึงจัดตั้งระบบเครื่องแต่งกายตามศักดินาขึ้นมา ซึ่งเครื่องแต่งกายแบบดั้งเดิมของยุคฮั่นนั้นก็เป็นรากฐานที่แข็งแกร่งในการพัฒนาวัฒนธรรมทางการแต่งกายในอนาคตอีกด้วย
陕西临潼秦始皇陵2号俑坑出土的蹲跪俑
ชุดเกราะของนายพลในยุคราชวงศ์ฉิน
ชุดเกราะในยุคฉินทำมาจากหนังสัตว์หรือผ้าฝ้ายทอ ด้านนอกฝังแผ่นโลหะหรือแผ่นหนังแรด มีขอบกว้าง แบ่งเป็นชนิดแผ่นหนังเคลื่อนที่ไม่ได้ คืออยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีการเคลื่อนไหว และชนิดที่แผ่นหนังเคลื่อนไหวได้ เสื้อเกราะแผ่นหนังที่เคลื่อนที่ไม่ได้ ใช้บริเวณหน้าอกและด้านหลัง แผ่นหนังที่เคลื่อนที่ได้จะใช้บริเวณไหล่ทั้ง ๒ ข้าง เอว ท้อง และปกคอเสื้อ ซึ่งหนังที่ใช้มีขนาดใหญ่ ชุดเกราะของนายพลระดับสูงนั้นนอกจากการใช้การผลิตที่มีคุณภาพแล้วยังมีการประดับตกแต่งด้วยลวดลายที่สวยงามอีกด้วย
![]() |
陕西临潼秦始皇陵1号坑出土的将军俑
|
秦代将官铠甲图(根据陕西临潼出土秦兵俑复原绘制) |
ชุดเกราะของทหารในยุคฉิน
ชุดเกราะทหารในยุคฉินมีลักษณะเป็นเกราะหนังที่มีลายเป็นรูปตารางหรือรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านในชุดเกราะมีเสื้ออีกชั้นหนึ่งสำหรับป้องกันการสีกันจนทำให้เกิดบาดแผล ลักษณะของชุดเกราะจะแตกต่างกันไปตามอาวุธที่ใช้ โดยทั่วไปชุดเกราะของทหารราบจะมีลำตัวยาว ส่วนทหารม้านั้นมีช่วงตัวเสื้อที่สั้น และชุดเกราะของสารถีจะมีโครงสร้างที่ซับซ้อนมาก เพราะอยู่หน้าสุด ชุดเกราะของทหารเป็นแบบสวมหัว เมื่อสวมแล้วจึงใช้เข็มขัดรัดให้แน่นหนา
秦始皇陵1号坑出土的下级军吏俑 |
|
穿铠甲的秦代将士 (陕西临潼出土陶俑) |
ชุดคลุมยาวชวีจวี
เสื้อเซินอีของยุคก่อนราชวงศ์ฉินได้พัฒนามาเป็นเสื้อคลุมยาวชวีจวีในยุคราชวงศ์ฮั่น หรือเสื้อคลุมยาวชวีจวี เป็นเสื้อผ้าที่นิยมสวมกันในหมู่ชายและหญิงชาวฮั่น มีลักษะเป็นเสื้อที่ปกเสื้อไขว้กันอยู่ เวลาสวมใส่จะจงใจเผยให้เห็นเสื้อผ้าข้างในที่แตกต่างกัน ซึ่งบางครั้งถูกเรียกว่า “ชุดสามชั้น” นอกจากนี้บริเวณปกยังมีการแต่งด้วยลวดลายต่างๆอย่างสวยงามและเนื่องจากสาบเสื้อที่พันเป็นเกลียวอยู่บนตัวนั้น ก็ได้กลายเป็นแฟชั่นที่ได้รับความนิยมอย่างหนึ่ง
戴帽、穿曲裾服的男子(陕西咸阳出土彩绘陶俑)
ชุดสาบเสื้อตรงของฮั่น
ในสมัยฮั่น หลังจากที่กางเกงแหวกเป้าค่อยๆถูกแทนที่ด้วยกางเกงมีเป้า และการใช้กางเกงชวีมาวมทับกางเกงไม่มีเป้าก็ทำให้มีขาที่ยาวเหยียดเกินพอดี และการตัดเสื้อผ้าที่ดูกระชับไม่ลุ่มล่ามก็เข้ามาแทนที่ชุดชวีจวี ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยต่อมา
西汉彩绘陶仪卫俑,穿右衽交领袍(深衣), 1986年江苏徐州西汉墓出土 |
江苏省徐州市出土西汉彩绘陶仪卫俑, 穿交领右衽袍,江苏省徐州市博物馆藏 |
戴帽、穿曲裾服的男子 (陕西咸阳出土汉代彩绘陶俑) |
หมวกและเกี้ยวในยุคฮั่น
巾หมายถึงผ้าพันมวยผม เป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็นผู้ใหญ่ของผู้ชายในสมัยฮั่น 帻ก็ คือผ้าพันมวยผมที่เพิ่ม冠หมวกครอบ (เกี้ยว) เข้าไป หมวกและเกี้ยวนี้ยังเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์พื้นฐานที่ใช้แสดงความแตกต่างทางชั้นชน ทั้งยังเน้นสวมใส่เพื่อให้ความอบอุ่นศีรษะ บุรุษชาวฮั่นที่อายุเกิน ๒๐ ปีไปแล้ว หากมีตำแหน่งจะสวมเกี้ยว และไม่มีเกี้ยวสำหรับชายสามัญทั่วไป ว่ากันว่า เกี้ยวในสมัยฮั่นนั้นมีถึง ๑๖ ประเภทเลยทีเดียว
戴长冠、穿袍服的官员(湖南长沙马王堆汉墓出土著衣木俑) |
戴冕冠的官吏 (山东沂南汉墓出土画像石拓片) |
汉代的武冠 (四种成都出土汉代画像砖拓片) |
|
戴长冠、穿深衣的侍者(湖南长沙马王堆汉墓出土彩绘木俑) |
![]() |
戴进贤冠的文吏
(山东沂南汉墓出土画像石拓片)
กระโปรงตาน
สตรีในสมัยฮั่นจะสวมใส่กระโปรงตาน ซึ่งเป็นกระโปรงที่คลุมทั้งร่างไว้ และยังเป็นกระโปรงที่เป็นต้นแบบของกระโปรงจีนโบราณอีกด้วย กระโปรงตานเป็นกระโปรงที่ใช้ผ้าไหมสี่ผืนเย็บติดเข้าด้วยกัน ผ้าไหมทั้งสี่จะมีรูปร่างที่ข้างบนกว้างและข้างล่างแคบ เรียงต่อกันโดยใช้รูปแบบสองแถบตรงกลางแคบ และอีกสองแถบข้างๆกว้าง ส่วนเอวมีระบายจีบซึ่งมีปลายยาวๆสองข้างห้อยไว้ใช้เป็นสายรัดเอว สายนี้สามารถเปลี่ยนอันใหม่ได้
ทรงผมตกหลังม้า
การมวยผมในราชวงศ์ฮั่นมีหลายรูปแบบ ทั้งการมวยผมในส่วนบนของศีรษะ การมวยผมแบบสองด้าน และยังมีการมวยผมที่ห้อยข้างหลังอีกด้วย ในการจัดแต่งทรงผมมักหวีแบ่งผมบนศีรษะก่อน จากนั้นจึงค่อยนำทั้งสองส่วนมามัดรวมเป็นช่อเดียวกัน และก่อเป็นก้อนจากล่างขึ้นบน แล้วค่อยจัดเป็นทรงต่างๆ ทรงตกม้าเป็นผมทรงหนึ่งที่มวยผมเอียงอยู่ด้านข้าง ลักษณะคล้ายกำลังจะหล่นจากหลังม้า จะหล่นแหล่ไม่หล่นแหล่ สาวๆที่ทำผมทรงตกหลังม้า มักกันคิ้ว ทำตีจวง (วาดใต้ตาให้เหมือนมีน้ำตา) แล้วเดินโยกย้ายส่ายสะโพกนั้น ทำให้พวกนางแลมีจริตจะก้านสวยงามสมแบบผู้หญิง
梳倭堕髻的妇女 |
梳椎髻的滇族妇女 (云南晋宁石寨山甲区一号墓出土青铜储贝器盖饰人物)
|
梳椎髻的滇族妇女(云南晋宁石寨山二十号墓出土铜俑) |
梳髻、穿绕襟深衣的妇女(湖南长沙马王堆一号汉墓出土的帛画)
|
แถบพวงหยกยุคฮั่น
绶(shòu) ก็คือแถบตราหยก ดังนั้นในสมัยฮั่นจึงเรียกมันว่า ตราประทับ ตราประทับพวกนี้ก็คือสัญลักษณ์ที่สำคัญในการแยกแยะยศตำแหน่งหลังจากที่ราชสำนักฮั่นได้ปรับปรุงระบบการแต่งกาย ดังนั้นการจะใช้ตราหยกขนาดไหน รวมถึงการใช้สีและรูปแบบการถักทอ ต่างก็มีรูปแบบที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งทำให้การจำแนกหยกประจำตำแหน่งที่ห้อยอยู่นั้นมีความสะดวกเป็นอย่างยิ่ง เหล่าขุนนางมักจะอยู่นอกบ้านเป็นประจำจึงต้องนำตราหยกใส่ไว้ในกระเป๋าที่เอว มีสายห้อยยาวออกมาด้านนอก และถักให้เป็นห่วงๆเพื่อความสวยงาม
1983年广州西汉早期出土青玉兽衔璧(南越王墓博物馆藏) |
佩绶官吏(山东沂南汉墓出土画像石拓片) |
![]() |
เสื้อเกราะยุคฮั่น
ในสมัยฮั่นนี้ เสื้อเกราะเหล็กเริ่มเป็นที่แพร่หลายซส่วนมากเป็นสีดำ เสื้อเกราะยุคนี้ แบ่งเป็น ๒ ประเภทใหญ่ๆ ก็คือ แบบแรกคือทำเป็นลายเกล็ดปลาเล็กๆซ้อนกัน บริเวณเอว และไหล่ ฯ ต่างสร้างแผ่นเกราะเหล็กคลุมไว้ด้วย เพื่อให้เคลื่อนที่ได้สะดวก อีกประเภทหนึ่งสร้างจากแผ่นเหล็กรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีขนาดใหญ่กว่า ยึดด้านหน้าและด้านหลังเข้าด้วยกันโดยใช้เชือกมัด บางครั้งอาจเพิ่มแผ่นเกราะสำหรับป้องกันไหล่
汉代将官铠甲图(根据陕西咸阳杨家湾出土陶俑服饰复原绘制)
|
![]() |
ลวดลายต่างๆในยุคฮั่น
ลวดลายต่างๆในยุคฮั่นมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปค่อนข้างมาก กลายเป็นรูปแบบที่เต็มไปด้วยความเชื่อและตำนานต่างๆ มีเส้นโค้งขึ้นลงเป็นโครงเค้า เน้นรูปร่างที่พลิ้วไหวและทรงพลังเช่น ลายสัตว์ ลายเมฆ ลายภูเขา กระจัดกระจายกันไป แม้ว่าเป็นรูปร่างพื้นฐานแต่ก็มีชีวิตชีวา นอกจากนั้นยังมีลวดลายที่เป็นคำมงคลซึ่งแทรกอยู่ระหว่างช่องว่างของลวดลายอีกด้วย เช่น “สมปรารถนาหมื่นปี” “สุขีหมื่นวัน” ทั้งยังมีการอวยพรไม่ให้แก่และมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง เป็นต้น
新疆楼兰出土东汉“韩仁绣文衣右子孙无极”锦摹绘图 (原件被斯坦因掠走) |
![]() |